/home/missionbkk/public_html/templates/30aug182/component.php on line 5
"> สายประคำ

rosary

การสวดแบบนี้น่าจะเลิกได้แล้วหรือยัง?

การสวดสายประคำยังจะใช้ได้ในสมัยนี้อีกหรือ?
ใครที่เข้าไม่ถึง อาจคิดว่าการสวดสายประคำเป็นเรื่องน่าเบื่อ จำเจและซ้ำซาก
หลายคนบอกว่าล้าสมัยแล้ว
คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดแบบนี้ และกำลังจะเลิกสวด
เพื่อช่วยให้ท่านผู้อ่านมีแรงจูงใจมีแรงจูงใจและเห็นความสำคัญของการสวดสายประคำมากขึ้น
นิตยสารดอนบอสโก ขอนำเสนอคุณค่า 7 ประการ ที่ได้รับจากการสวดสายประคำ

1. สายประคำคือคำภาวนาของผู้มีใจยากจน 

การสวดสายประคำเป็นคำภาวนาที่ใครก็สวดได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีความรู้หรือการศึกษาเล่าเรียน การสวดบทวันทามารีย์แต่ละบท จึงเป็นการยกถวายทุกสิ่งที่ทำในแต่ละวันให้แก่พระเจ้าเยี่ยงคนยากจนที่ไม่เชี่ยวชาญในการพูด จึงมักแสดงออกด้วยกิริยาท่าทางมากกว่าด้วยคำพูด อาจจะเป็นแค่การยิ้ม การมอง ซึ่งก็บ่งบอกได้หลายอย่างแล้ว แม่พระทรงถือว่าตนเป็นผู้ยากจน ในพระวรสารจะเห็นได้ว่าแม่พระทรงนิ่งเงียบเสียส่วนใหญ่และชอบเก็บทุกสิ่งที่เห็นและได้ยินไว้ในใจ
2. ภาวนาด้วยความคิดและด้วยเสียงที่เปล่งออกมา
น.หลุยส์ มารีย์ กรีญอง เดอ มงฟอร์ต กล่าวไว้ว่า “การสวดสายประคำมีองค์ประกอบ 2 ประการ นั่นคือ การภาวนาด้วยความคิดและการภาวนาด้วยการออกเสียง”
การภาวาด้วยความคิดก็คือ การรำพึงถึงชีวิต, การสิ้นพระชนม์และพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าและของแม่พระ ส่วนการภาวนาด้วยการออกเสียงนั้น ก็คือการออกเสียงสวดบทต่างๆ เช่น บทวันทามารีย์ บทข้าแต่พระบิดา ซึ่งเป็นการรำพึงถึงธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้าและแม่พระ

3. สายประคำเป็นการย่อความของพระวรสารทั้งครบ
เมื่อสวดสายประคำครบจะประกอบไปด้วยข้อรำพึง 20 ข้อ (200 วันทามารีย์) ซึ่งพูดถึงเหตุการณ์แห่งชีวิตของพระเยซูเจ้า ของพระแม่มารีย์ และของพระศาสนจักร เหตุการณ์เหล่านี้อยู่ในประวัติศาสตร์แห่งความรอด และเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ส่วนตัวของเราแต่ละคน เรามีส่วนร่วมในความรอดที่พระเยซูเจ้า พระบุตรของพระแม่มารีย์ได้ทรงนำมาให้แก่โลกด้วย

4. สายประคำคือมงกุฎดอกกุหลาบ
คำว่าสายประคำในภาษาอังกฤษ คือ “Rosary” หมายถึง “มงกุฎกุหลาบ”ซึ่งเปรียบ “ธรรมล้ำลึกแห่งความปีติยินดี” เป็นดังใบสีเขียวของดอกกุหลาบ “ธรรมล้ำลึกแห่งพระมหาทรมาน” เป็นเหมือนหนาม และ “ธรรมล้ำลึกแห่งพระสิริรุ่งโรจน์” เป็นดังดอกกุหลาบ บทวันทามารีอา ที่เราสวดถวายแด่แม่พระเป็นดังดอกกุหลาบสีแดง เมื่อเราสวดสายประคำครบทุกข้อรำพึง (20 ข้อรำพึง) เราก็ถวายดอกกุหลาบขาว 203 ดอก และดอกกุหลาบแดง 21 ดอก ให้กับแม่พระ

5. การกลับใจของคนบาป
เราอยากให้คนบาปกลับใจไหม? จงสวดสายประคำ เพราะจะช่วยให้คนบาปกลับใจได้

6. สายประคำนำเราสู่ความเชื่อที่เต็มเปี่ยม
ก่อนเริ่มข้อรำพึงในแต่ละข้อ ให้หยุดสักครู่เพื่อรำพึงถึงธรรมล้ำลึกนั้นๆ จะช่วยให้สวดสายประคำได้ดียิ่งขึ้น นอกนั้นยังมีเทคนิคอื่นๆโดยอาจเพิ่มคำที่เหมาะสม เสริมเข้าไปในบทวันทามารีอา เช่น ในข้อรำพึงที่ 2 ของธรรมล้ำลึกแห่งพระมหาทรมาน “พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยนตี” เราอาจสวดโดยเสริมคำดังนี้ ... ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงได้รับพระพรยิ่งนัก ทรงถูกเฆี่ยนตีเพราะบาปของเรา สันตะมารีย์ พระมารดาพระเจ้า... เป็นต้น

7. สายประคำสร้างความสัมพันธ์
ลูกประคำที่ร้อยกันเข้าเป็นสายประคำบ่งบอกถึงการร่วมเป็นหนึ่งเดียวและมีความสัมพันธ์กัน การสวดสายประคำจึงเป็นการแสดงออกซึ่งความสัมพันธ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างเรากับพระเจ้าและพระแม่มารีย์ และระหว่างเรากับเพื่อนพี่น้องทุกคน หลายครั้งเมื่อเราสวดสายประคำในแต่ละข้อ จะมีการตั้งเป้าหมายของการสวดของข้อนั้นๆ เช่น สวดสำหรับผู้เจ็บป่วย สามีภรรยาที่มีปัญหา กระแสเรียก คนชรา ... เราสามารถเสนอความทุกข์ยากลำบาก ความยินดี ความรู้คุณของเราและของทุกคนให้แก่แม่พระ ทุกครั้งที่เราสวดสายประคำ แม้อาจจะไม่ได้ครบสาย หรือสวดเพียง 10 – 20 เม็ด เรากำลังร่วมเป็นหนึ่งกับคริสตชนทั่วโลกที่สวดสายประคำ มีพี่น้องคริสตชนอีกหลายคนที่กำลังสวดเพื่อเราเช่นกัน
(ที่มา : นิตยสาร ดอนบอสโก, ปีที่ 62, เดือนกันยายน – ตุลาคม 2562/2019, หน้า 30-31)